SIP คืออะไร?
System Integrity Protection (SIP) เป็นระบบความปลอดภัยที่ Apple แนะนำมาตั้งแต่ macOS El Capitan (2015) มีจุดประสงค์เพื่อ ป้องกันการเข้าถึงไฟล์ระบบที่สำคัญ ไม่ให้ถูกดัดแปลงจากแอปพลิเคชัน หรือผู้ใช้ระดับ root (แม้แต่ผู้ดูแลระบบก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยตรง)
โดย SIP จะ จำกัดสิทธิ์การเข้าถึง โฟลเดอร์และไฟล์ต่อไปนี้:
- /System
- /usr (ยกเว้น /usr/local)
- /bin, /sbin
- แอปที่ติดตั้งมากับระบบ เช่น Safari
ทำไม Apple ถึงเปิด SIP มาโดยค่าเริ่มต้น?
เพราะ SIP เป็นเหมือน “เกราะ” ป้องกัน มัลแวร์หรือซอฟต์แวร์ที่พยายามเจาะระบบ จากการแก้ไขไฟล์หลักของ macOS ซึ่งอาจทำให้เครื่องพังหรือมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
SIP ยังป้องกันการถูกเข้าถึง kernel extension โดยไม่ได้รับอนุญาต และช่วยให้ระบบมีเสถียรภาพมากขึ้น
ปิด SIP แล้วเกิดอะไรขึ้น?
✅ ข้อดีของการปิด SIP:
- อนุญาตให้ใช้ซอฟต์แวร์บางตัวที่ต้องการสิทธิ์ระดับลึก เช่น:
- โปรแกรมปรับแต่งระบบ (System tweak)
- แอปดัดแปลง Finder, Dock
- เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาขั้นสูง (บางตัว)
❌ ข้อเสียของการปิด SIP:
- เสี่ยงต่อมัลแวร์และการถูกโจมตีมากขึ้น
- ไฟล์ระบบอาจถูกลบหรือเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้ตั้งใจ
- อัปเดต macOS แล้วระบบอาจไม่เสถียร
- ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ทั่วไปหรือเครื่องที่ใช้งานจริงในองค์กร
วิธีตรวจสอบสถานะ SIP
เปิด Terminal แล้วพิมพ์คำสั่ง:
bashCopyEditcsrutil status
หากขึ้นว่า System Integrity Protection status: enabled แปลว่าเปิดอยู่
วิธีปิด SIP (สำหรับนักพัฒนาเท่านั้น)
❗ คำเตือน: การปิด SIP อาจทำให้ระบบไม่ปลอดภัย ควรทำเฉพาะในเครื่องที่ใช้ทดลองเท่านั้น
1.รีสตาร์ทเครื่องแล้วกดปุ่ม Command + R ค้างไว้ เพื่อเข้าสู่ macOS Recovery
2.ไปที่ Utilities > Terminal
3.พิมพ์คำสั่ง:
csrutil disable
4.รีสตาร์ทเครื่องอีกครั้ง
หากต้องการเปิด SIP กลับ ให้พิมพ์ csrutil enable จาก Recovery mode
สรุป: ควรปิด SIP ไหม?
👩💻 ผู้ใช้ทั่วไป | ไม่ควรปิดเด็ดขาด
🛠️ นักพัฒนาระบบ/Tester | ปิดได้ชั่วคราว เพื่อการทดลองบางอย่าง
🧪 เครื่องทดลอง | ปิดได้ ถ้าไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
🛠️ นักพัฒนาระบบ/Tester | ปิดได้ชั่วคราว เพื่อการทดลองบางอย่าง
🧪 เครื่องทดลอง | ปิดได้ ถ้าไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต